ตามตำราทางภาคเหนือได้ให้ผู้ที่เกิดในปีราศีต่าง ๆ ทั้ง 12 ราศี 
ในชั่วชีวิตนี้ให้ไปกราบสักการะบูชา พระธาตุประจำปีเกิด 
เพื่อเป็นสิริมงคลและความสุขในชีวิต

ปีชวด : หนู => พระธาตุศรีจอมทอง

     พระธาตุจอมทอง เป็นที่ประดิษฐานของพระทักษิณโมลีธาตุ (พระธาตุ ส่วนที่เป็น พระเศียร เบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) มีขนาดโตประมาณเมล็ด
ข้าวโพด สันฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือน ดอกบวบ หรือ สีดอกพิกุลแห้ง
ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ ดอยจอมทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 218 ปัจจุบัน พระธาตุ ถูกบรรจุไว้ในพระโกศ 5 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายใน
พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส คล้ายพระเจดีย์
กว้าง 4 เมตร สูง 8 เมตร ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช หรือ
พระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์ มังราย เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2060

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

นะโมพุทธายะ นะมามิ ติโลกะโมลี

โลหะกูเฎ ปะติฎฐิตัง ปูชิตัง สัพพะโลเกหิ

กิตติมันตัง มะโนหะ รัง อะหัง วันทามิ

อสัพพะทา อัง คะวะเย ปุเรรัมเมิโกวิลา

รัคคะปัพ พะเต สะหิเหมะคูหา คัพเภ

ทักขิณะโมลี ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะทา

วัดพระบรมธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ >>>>>

ปีฉลู : วัว => พระธาตุลำปางหลวง

     ประวัติพระธาตุลำปางหลวง ตามตำนานมีกล่าวไว้ว่า ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้า
พร้อมด้วยพระเถระสามองค์ได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ จนถึงบ้าน
สัมภะการีวัน (บ้านลำปางหลวง) พระพุทธเจ้าได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะ
คนหนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน เกิดความเลื่อมใสได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว
และมะตูม มาถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้งแล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไป
ทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่าลัมพกัปปะนคร
แล้วได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศามาหนึ่งเส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอน
ลัวะอ้ายกอนได้นำพระเกศาบรรจุในผอบทองคำ ใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวาย
แก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา แล้วแต่งยนต์ผัด (ยนต์หมุน) รักษาไว้และถมดิน
ให้เรียบเสมอกัน แล้วก่อเป็นพระเจดีย์ สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในสมัยต่อมาก็ได้มี
กษัตริย์อีกหลายพระองค์มาก่อสร้าง และบูรณซ่อมแซมจนกระทั่งเป็นวัดที่มีความงาม
อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

ยาปาตุภูตา อะตุลานุภาวาจีรัง

ปะติฎฐาสัมภะ กัปปะปุเร เทเวนะ

คุตตา อุตตะราภิทัยยา นะมามิหันตัง

วะระชินะธาตุง ฐะเปติ มะหา ฐาเน

เจติยัง ปูชิตา นะเะเทเวหิ

อะหัง วันทามิ ธาตุโย

<<<<<วัดพระธาตุลำปางหลาง อ.เกาะคา จ.ลำปาง

ปีขาล : เสือ => พระธาตุช่อแฮ

     พระธาตุช่อแฮ เป็นเจดีย์บรรจุพระเกศา และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของ
ุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปูชนียสถาน ที่ศักดิ์ศิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองแพร่
มาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่าขุนลัวะอ้ายก๊อมเป็นผู้สร้าง ปรากฏหลักฐานการบูรณะ
ปฏิสังขรณ์ระหว่าง พ.ศ. 1879-1881 ในสมัยพระมหาธรรมราชา(ลิไท) เมื่อครั้งยังทรง
เป็นพระมหาอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์
ทรงแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสนสูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยม
กว้างด้านละ 11 เมตร สร้างด้วยอิฐโบกปูน หุ้มด้วยแผ่นทองเหลือง ลงรักปิดทอง

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

โกเสยยะ ธะชัคคะ

ปัพพะเต สัตตะมะโนรัมเม

พุทธะ เกสาธาตุ ปะติฎฐิตา

อะหัง วันทามิ สัพพะทา

อะหัง วันทามิ ธาตุโย

อะหัง วันทามิสัพพะโส

วัดพระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ >>>>>

ปีเถาะ : กระต่าย => พระธาตุแช่แห้ง

     จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่านได้อัญเชิญพระ
บรมสารีริกธาตุจากกรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้งและตามตำนาน
กล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก
ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้น
แห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า
ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐาน
พระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)


ยาปาตุภูตา อะตุลานุภาวาจีรัง

ปะติฎฐิตา นันทะกัปปะเก

ปุเร เทเวนะ คุตตา วะระพุทธะธาตุง

จิรัง วันทามิหันตัง ชินะธาตุโย

โส ตะถาคะตัง

อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ ทูระโต

<<<<<วัดพระธาตุแช่แห้ง กิ่งอ.ภูเพียง จ.น่าน

ปีมะโรง : งูใหญ่ => พระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์

     เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งซึ่งประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูป
ปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ เมื่อถึงเทศกาล
สงกรานต์ชาวเมืองจะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้แห่ไปตามถนนรอบเมือง
เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วถึงกัน แต่เดิมที่ดินบริเวณวัดนี้เป็นตลาด
เรียกชื่อว่า วัดลีเชียง (ลี หมายถึง ตลาด) จนถึงปี พ.ศ. 1888 พระเจ้าผายู
กษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังรายทรงโปรดฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้น พร้อมทั้งสร้าง
พระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิพระราชบิดาของพระองค์
สถาปัตยกรรมสำคัญของวัดนี้ได้แก่ วิหารลายคำที่มีจิตรกรรมฝาผนังงดงาม
พระอุโบสถ หอไตรที่มีปูนปั้นรูปเทวดาประดับ และเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

อิติ ปะวะระสิหิงโค อุตตะมะยโสปิ

เตโข ยัตถะ จิตโตโส สักกาโร

อุปาโท สะกาละพุทธะสาสะธัง โชตะยันโตวะ

ทีโป สุระนะเรหิ มะหิโต ธะระมาโนยะ

พุทโธติ นะมามิ สิหิงคะพิมพัง

สุวัณณาภิรัมมัง ลังกาชาตัง

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ >>>>>

ปีมะเส็ง : งูเล็ก => พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์

     อยู่ชานเมืองอุบลราชธานี ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตรตามถนนเลี่ยงเมือง
จะมีทางแยกจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 700 เมตร ภายในวัดมีสถาปัตยกรรม
ที่น่าสนใจ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ
25 ศตวรรษ ของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 โดยได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่
พุทธคยา ประเทศอินเดีย นับเป็นวัดเดียวในภาคอีสาน ที่มีเจดีย์แบบนี้ สภาพแวดล้อม
โดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง ร่มรื่น

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

ปะฐะมัง โพธิปัลลังกัง ทุติยัง

อะนิมิสสะกัง ตะติยัง จังกะมะ

เสฏฐัง จะตุตถะกัง ระตะนะฆะรัง

ปัญจะมัง อะชะปาละนิโคธัง

ฉัฏฐัง ราชายะตะนัง สัตตะมัง มุจ

จะลินทัง อะหัง วันทามิ ทูระโต

<<<<<วัดหนองบัว อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

ปีมะเมีย : ม้า => พระบรมธาตุเจดีย์

     เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 ชาวบ้านเรียกว่า
วัดพระเจ้าทันใจ เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าทันใจ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ
และมีตำนานว่า สร้างเสร็จในหนึ่งวัน พระเจ้าทันใจนี้ล่ำรือกันว่าศักสิทธิ์นัก จริงๆ แล้ว
พระเจ้าทันใจ มีอยู่อีกหลายวัด แต่ที่เป็นที่นับถือมากที่สุดคือที่วัดพระบรมธาตุ
พระครูพิทักษ์บรมธาตุ (ทองอยู่) จ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุได้จดจำเอารูปทรงของเจดีย์
ชเวดากองมาสร้างครอบเจดีย์องค์เก่า ซึ่งมีรูปทรงสมัยสุโขทัยไว้ และยังสร้างพระ
บรมธาตุองค์เล็กๆ 16 องค์ และเจดีย์ใส่พระพุทธรูปอีก 16 องค์ และโขงจุดไฟเทียน
อีก 6 โขง ไว้รายรอบเจดีย์องค์ใหญ่ด้วย ด้านซ้ายมือของเจดีย์จะเป็นทางเข้าวิหารเก่า
ครึ่งตึกครึ่งไม้และเป็น ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัยภายใน
วิหาร ยังมีธรรมาสน์เก่าเป็นไม้แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม ทางซ้ายของเจดีย์เป็น
พระอุโบสถ ครึ่งตึกครึ่งไม้ มีประตูไม้แกะสลักรูปป่าหิมพานต์ หน้าบันและจั่วเป็นไม้
แกะสลักไว้อย่างวิจิตร หน้าบันที่สวยมากจะอยู่ทางด้านหลังของพระอุโบสถ
บานหน้าต่างเป็นภาพ พระพุทธประวัติใช้ไม้แกะสลักปิดทองสวยงามมาก
วัดพระบรมธาตุเป็นวัดที่กล่าวได้ว่า สวยงามที่สุดในจังหวัดตาก ในช่วงเทศกาล
สงกรานต์ จะมีชาวบ้านเป็นจำนวนมาก นำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา นอกจากนั้นยังมี
งานประเพณีที่สำคัญอีกงานหนึ่ง คือ ประเพณีขึ้นธาตุเดือนเก้า

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)


สัมมาสัมพุทธะ นะลาตะ

อัฏฐิ จะตุเกสาธาตุยา

คันธะวะ รัง

ฐิตัง ปะระมา

ธาตุ เจติยัง

อะหัง วันทามิ สัพพะธา

วัดพระบรมธาตุ อ.บ้านตาก จ.ตาก>>>>>

ปีมะแม : แพะ => พระธาตุดอยสุเทพ

     
พระบรมธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่
องค์ที่ 9 โดยพระเจ้ากือนาทรงรับสั่งให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมน
เถระ นำมาจากเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งได้ขุดพบจากนิมิตฝันของพระมหาสุมนเอง
เมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาสู่เชียงใหม่แล้ว พระธาตุได้แยกเป็นสองส่วน
พระเจ้ากือนาทรงเลื่อมใส ได้อัญเชิญบรรจุไว้ที่พระธาตุวัดสวนดอก ส่วนองค์ที่สอง
ได้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างเพื่อเสี่ยงทายว่า ช้างหยุดที่ใด ก็จะสร้างเจดีย์บรรจุ
พระบรมธาตุที่นั่น แล้วปล่อยช้างไป ช้างได้มุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันตก ขึ้นไปยังดอย
สุเทวะฤาษี หรือดอยสุเทพปัจจุบัน แล้วมาหยุดที่ยอดดอยสุเทพ พระเจ้ากือนาทรง
รับสั่งให้สร้างพระเจดีย์ ณ ที่นั้น มีขนาดสูง 5 วา เมื่อ พ.ศ. 1916 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2068
พระเจ้าเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ของเชียงใหม่ ได้ทำการบูรณะพระเจดีย์ โดยได้
นิมนต์พระมหาญาณมคลโพธิ จากลำพูนมาเป็นประธานการบูรณะ โดยขยายพระเจดีย์
ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม สูง 11 วา กว้าง 6 วา ที่ปรากฏทุกวันนี้

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

สุวัณณะ เจติยัง เกสา

วะระมัตถะลุงคัง วะรัญญะธาตุง

สุเทวะนามะทัง

นะระเทเวหิ

สัพพะปูชิตัง

อะหัง วันทามิ สัพพะ

<<<<<วัดพระธาตุดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

ปีวอก : ลิง => พระธาตุพนม

พระธาตุพนม เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของภาคอีสาน ประดิษฐานบนเนินที่เรียกว่า
ภูกำพร้า ปัจจุบันเป็นบริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนม
ราว 52 กิโลเมตร พระธาตุพนมสร้างขึ้นแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ประมาณ
พ.ศ. 8 โดยเจ้าเมือง 5 องค์คือ พระยาสุวรรณภิงคารนะ พระยาคำแดง พระยาอินท-
ปัตถะนคร พระยาจุลนีพรหมทัต และพระยานันทเสน เพื่อบรรจุพระอุงรังคธาต
ุ(กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ลักษณะพระเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม
หรือทรงแจกัน ก่อด้วยอิฐมีลวดลายจำหลักลงไปในแผ่นอิฐ มีซุ้มคั่นด้านละซุ้มซ้อมกัน
3 ชั้น ลดหลั่นกันลงมาอย่างวิจิตร พระธาตุพนมได้รับการบูรณะเรื่อยมาตามกาลเวลา
และในวันที่ 11 สิงหาคม 2518 องค์พระธาตุพนมได้หักโค่นลง ประชาชนชาวไทย
ทั่วทั้งประเทศได้ร่วมกันสละทุนทรัพย์ก่อสร้างขึ้นใหม่ และมีพิธีอัญเชิญพระบรม
สารีริกธาตุขึ้นบรรจุอีกครั้งในวันที่ 23 มีนาคม 2522

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

ปุริมายะ ทักขิณายะ ปัจฉิมายะ อุตตะรายะ เหฎฐิมายะ อุปะริมายะ

ทิสายะ กะปะณะสิริส สะมิง

ปัพพะเต กัสสะเปนะ ฐาปิตัง

พุทธะอุรังคะธาตุง สิระสา นะ มามิ เสตะฉัตตัง สุ

วัณณะระชะตัง

ระตะนัง ปะณีตัง พุทธะอุรังคะเจติยัง

อะหัง วันทามิ สัพพะทา

วัดพระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม >>>>>

ปีระกา : ไก่ => พระธาตุหริภุญชัย

พระธาตุหริภุญชัย เป็นปูชนียสถานสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในภาคเหนือ และเป็นมิ่งขวัญ
ของชาวลำพูน ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุหริภุญชัย ในกลางเมืองลำพูนภายในวัดเป็น
ลานกว้าง มีวิหารหลายหลัง หอระฆังสวยงาม ปรากฏในตำนานว่า สร้างขึ้นในรัชสมัย
ของพระเจ้าอาทิตยราช กษัตริย์นครหริภุญชัยราว พ.ศ.1586 ต่อมาได้มีการบูรณะ
ปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุนี้อีกหลายครั้งในรัชกาลพระเจ้าติโลกราชเมื่อ พ.ศ.1986
ได้โปรดให้เสริมพระธาตุเป็น 23 วา ฐานกว้าง 12 วา 2 ศอก ยอดมีฉัตร 7 ชั้น
หลังจากนั้นพระเมืองแก้วได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้างระเบียงหอก ซึ่งเป็นรั้ว
ล้อมพระธาตุ 500 เล่ม แล้วทรงสร้างวิหารหลวง และใน ปีพ.ศ.2329 พระเจ้ากาวิละ
ได้ทรงทำการบูรณะพระบรมธาตุ และทรงสร้างฉัตรหลวงขึ้น 4 มุมและสร้างฉัตร
ยอดเจดีย์ด้วยทองคำเป็น 9 ชั้น ฐานพระธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ 10 วา
และสร้างรั้วทองเหลืองล้อมรอบองค์เจดีย์ด้านในองค์พระธาตุเป็นสีทองอร่าม เป็นที่
ต้องตาต้องใจนักท่องเที่ยวต่างเมืองผู้มีโอกาสได้ไปเยือนยิ่งนัก ทางจังหวัดลำพูนได้
้จัดให้มีงานนมัสการประจำปีขึ้นในวันเพ็ญ เดือน 6 ซึ่งก็คือวันวิสาขบูชา

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

สุวัณณะเจติยัง หะริ ภุญชะยัฎฐัง

วะระโมลีธารัง อุรัฎฐิ เสฎฐัง

สะหาอังคุลิฎฐิง

กัจจายะเน นะ ฐิตะปัตตัปปะการัง

สีเสนะ มัยหัง ปะระมามิธาตุง

<<<<<วัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน

ปีจอ : สุนัข => พระธาตุวัดเกตการาม

ตามพุทธประวัติ กล่าวไว้ว่าประดิษฐานพระทันตธาตุที่พระอินทร์นำมาจากพระบรมธาตุ
ุที่ี่โทณพราหมณ์ได้แอบซ่อนไว้ เมื่อครั้งมีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
ให้แก่เจ้าเมืองต่างๆ ด้วยเหตุที่ พระธาตุเจดีย์องค์นี้มนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปถึงได้
ดังนั้น นอกจากนมัสการด้วยการบูชารูปแล้วยังสามารถบูชา พระเจดีย์ ที่วัดเกตการาม
เชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อพ้องกับพระเกศแก้ว จุฬามณี เจดีย์วัดนี้ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง
ในเขตย่าน การค้าของชาวต่างชาติ ตามประวัติ ว่าสร้างโดยพญาสามฝั่งแกน
เมื่อ พ.ศ. 1971 แต่พระเจดีย์ได้พังทลายลง ในปี พ.ศ. 2121 พระสุทโธ รับสั่งให้สร้าง
ขึ้นใหม่ให้เป็นเจดีย์ทรงลังกาแบบล้านนา นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพระวิหารใหญ่
ที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ และพิพิธภัณฑ์เก็บของใช้พื้นบ้านให้ชม
(เปิด 08.00 - 16.00 น.) ที่ตั้ง บ้านวัดเกต ถ.เจริญราษฎร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

ตาวะติงสายะ ปุรัมเม เกสะจุฬา

มะณี สะรีระปัพพะตา ปูชิตา

สัพพะ เทวานัง ตังสิระสา ธาตุ

อุตตะมัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา

วัดเกตการาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ >>>>>

ปีกุน : หมู => พระธาตุดอยตุง

พระธาตุดอยตุง นับเป็นโบราณสถานอันเก่าแก่แห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตามประวัติ
ได้กล่าวไว้ว่า พระมหากัสสะปะเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ได้อาราธนาอัญเชิญเอา
พระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า(พระรากขวัญเบื้องซ้าย) ของพระพุทธเจ้า
มามอบถวายแด่ พระเจ้าอุชุตราชเจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนกชัยบุรี รัชกาลที่ 3
แห่งราชวงศ์สิงหนวติ เป็นประธานพร้อมด้วยมุขมนตรี เสวกอำมาตย์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
ของพระองค์ ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาบรรจุสร้างขึ้น ณ ที่ดอยดินแดง
(คือดอยตุงปัจจุบัน) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1454 ต่อมาอีก 100 ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่ง
ชื่อว่า พระมหาวชิรโพธิเถร ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมามอบถวายให้พระเจ้า
มังรายะนะธิราช แล้วจึงได้พร้อมใจกันนำเอาพระบรมธาตุขึ้นบรรจุสร้างใหม่ขึ้นมา
อีกองค์หนึ่งบนดอยตุง พร้อมได้ปฏิสังขรณ์องค์เดิม

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)

อิมัสสะมิง ภัททะกัปเป จะตุพุทธา พุชฌิต ตะวา กะกุ

สันธะโกนาคะมะนะ

กัสสะปะ โคตะ มะราชะเคเห จะระติ

ปิณฑายะ มิถิลายะนะ คะเรสิ จะระติ ปิณฑายะ อะตีตา

พุทธาเน อิมัสมิง ฐาเนสีทิ สิริสุภะปะวะรัง มังคะลัง ตะโมลากะ

ถามุนิราชัง สาทะรัง นมามิหันตัง วะระชินาธาตุง อะหัง

วันทามิ สัพพะทานะตัง วะชิระ

ธาตุโย อะระหัง วันทามิ สัพพะทา

<<<<<ดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

 

ข้อมูลจาก Forward Mail
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

 

Offshore Jones Act
Copyright@2005 ** Gable Service Co.,Ltd. 50/300 Moo.4 Samwatawantok Klongsamwa Bangkok , 10510
Run Best At Display Screen Resolution 1024 x 768 Pixel